อธิบดีกรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา พบหารือกับอธิบดีกรมกิจการเอเชียและโอเชียเนีย กระทรวงการต่างประเทศเอธิโอเปีย ที่กรุงอาดดิสอาบาบา

อธิบดีกรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา พบหารือกับอธิบดีกรมกิจการเอเชียและโอเชียเนีย กระทรวงการต่างประเทศเอธิโอเปีย ที่กรุงอาดดิสอาบาบา

วันที่นำเข้าข้อมูล 19 ส.ค. 2568

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 19 ส.ค. 2568

| 35 view

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 นางสาวศศิริทธิ์ ตันกุลรัตน์ อธิบดีกรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา และนางสาวมรกต เจนมธุกร เอกอัครราชทูตไทยประจำสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปีย ถิ่นพำนัก ณ กรุงไนโรบี พบหารือกับนาย Dewano Kedir อธิบดีกรมกิจการเอเชียและโอเชียเนีย กระทรวงการต่างประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปีย ในระหว่างการเยือนเอธิโอเปีย ระหว่างวันที่ 25 - 29 กรกฎาคม 2568 ที่กรุงอาดดิสอาบาบา โดยมีคณะผู้แทนกรมความร่วมมือระหว่างประเทศและกระทรวงสาธารณสุขเข้าร่วมด้วย

ทั้งสองฝ่ายหารือประเด็นความสัมพันธ์ทวิภาคีที่สำคัญ ซึ่งรวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน สาธารณสุข และการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เนื่องจากชาวเอธิโอเปียจำนวนมากนิยมเดินทางมาประเทศไทยเพื่อเข้ารับการรักษาพยาบาลและตรวจสุขภาพประจำปี การให้บริการของสายการบินเอธิโอเปียนแอร์ไลน์ในไทยที่ดำเนินมายาวนานกว่า 30 ปี ตลอดจนข้อพิจารณาของฝ่ายไทยในการเปิดสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปียอีกครั้ง และความร่วมมือในการต่อต้านอาชญากรรมค้ามนุษย์และยาเสพติดข้ามชาติ ในฐานะที่ทั้งสองประเทศเป็นศูนย์กลางการคมนาคมของภูมิภาคเอเชียและแอฟริกา ซี่งฝ่ายเอธิโอเปียขอบคุณฝ่ายไทยที่อำนวยความสะดวกการส่งกลับชาวเอธิโอเปียกว่า 900 ราย ที่ถูกล่อลวงเข้าไปทำงานผิดกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้านของไทย นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้ทบทวนความตกลงทวิภาคีที่คั่งค้างและเห็นพ้องที่จะบรรลุการจัดตั้งกลไกการหารือทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายในโอกาสแรก โดยมีเป้าหมายจัดการประชุมครั้งแรกในปี 2569

อธิบดีกรมเอเชียใต้ฯ ได้ใช้โอกาสนี้ชี้แจงท่าทีของประเทศไทยต่อสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา โดยเน้นย้ำว่า ฝ่ายไทยยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติและหลักมนุษยธรรมสากล อย่างไรก็ตาม การโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชาส่งผลให้มีประชาชนชาวไทยผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิตและสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะ โดยเฉพาะโรงพยาบาล ทำให้ฝ่ายไทยต้องดำเนินมาตรการตอบโต้อย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันตนเองตามหลักของกฎหมายระหว่างประเทศ

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ