โอกาสทางธุรกิจและการลงทุนในอุซเบกิสถาน

โอกาสทางธุรกิจและการลงทุนในอุซเบกิสถาน

วันที่นำเข้าข้อมูล 16 ก.ค. 2561

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565

| 11,116 view
 
                 ภายหลังการล่มสลายของอาณาจักรสหภาพโซเวียตเมื่อปี 2533 ได้เกิดรัฐใหม่ ซึ่งเคยเป็นรัฐบริวารของสหภาพโซเวียตในดินแดนที่เรียกว่า เอเชียกลาง อันได้แก่ อุซเบกิสถาน คาซัคสถาน เติร์กเมนิสถาน ทาจิกิสถาน และคีร์กิซสถาน ซึ่งหนึ่งในประเทศดังกล่าว อุซเบกิสถานนับเป็นประเทศที่อาจเป็นตลาดใหม่ที่น่าสนใจของไทยในการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน โดยมีปัจจัยประกอบการพิจารณา ดังนี้
 
             1. เศรษฐกิจมหภาคที่เข้มแข็ง
 
                 อุซเบกิสถานมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แท้จริงเพิ่มขึ้นเป็นลำดับจากร้อยละ 4 ในปี 2539 เป็นมากกว่า ร้อยละ 9 ในปี 2551 ปริมาณเงินสำรองเงินตราต่างประเทศเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า ระหว่างปี 2546 – 2550 ปริมาณหนี้สาธารณะ หรือ ภาระหนี้สินกับต่างประเทศลดลงเป็นลำดับจาก ร้อยละ 64 ของ GDP ในปี 2544 เป็น ร้อยละ 13 ในปี 2552 และอุซเบกิสถานได้ลดอัตราภาษีเงินได้บริษัท (Corporate tax) ลงจาก ร้อยละ 38 เมื่อในปี 2539 เป็น ร้อยละ 10 ในปัจจุบัน 
 
             2. แรงงานจำนวนมาก
 
 
                  อุซเบกิสถานมีประชากรโดยรวม27.6 ล้านคน มากที่สุดในประเทศในเอเชียกลางมีกำลังแรงงานจำนวน 11.2 ล้านคน โดย ส่วนใหญ่เป็นแรงงานในวัยทำงาน อายุเฉลี่ย ต่ำกว่า 24 ปี มีความรู้อ่านออกเขียนได้ดี ประชากร ร้อยละ 63 อยู่ในชนบท และ ร้อยละ 37 อยู่อาศัยในเมือง เป็นชาวอุซเบก ร้อยละ 80 รัสเซีย ร้อยละ 5.5 ทาจิ (Tadjikes) ร้อยละ 5 คาซัค ร้อยละ 3 Karakalpaks ร้อยละ 2.5 แรงงาน ร้อยละ 27.3 อยู่ในภาคเกษตรกรรมและป่าไม้ ร้อยละ 13.8 ในการศึกษา วิจัยและค้นคว้า การขนส่ง และ ร้อยละ 13.5 อยู่ในภาคอุตสาหกรรม รายได้ประชากรต่อหัวเฉลี่ย 497 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือ 41.4 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน โดยในกรุงทาชเคนต์ เป็น 178 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน ค่าจ้างขั้นต่ำของทางการกำหนดอยู่ที่ 20.7 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน (ปี 2550) แต่ในสภาวะเศรษฐกิจที่แท้จริง คือ 210 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน
 
             3. ทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์
 
                          อุซเบกิสถานส่งออกฝ้ายมากเป็นอันดับที่ 2 ของโลก มีปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติมากเป็นอันดับที่ 9 ของโลก หรือ ประมาณ 1.3 ล้านล้านคิวบิกเมตร และกำลังการผลิต 63.5 พันล้านคิวบิกเมตรต่อปี ผลิตทองคำมากเป็นอันดับที่ 9 ของโลก และมีปริมาณทองคำสำรองมากเป็นอันดับที่ 4 ของโลก ผลิตแร่ยูเรเนียมมากเป็นอันดับที่ 12 ของโลก และมีปริมาณแร่ยูเรเนียมสำรองมากเป็นอันดับที่ 8 ของโลก หรือ ประมาณ 55,000 ตัน และคาดว่า จะมีถึง 120,000 ตัน และกำลังการผลิต 2,270 ตัน ผลิตทองแดงมากเป็นอันดับที่ 12 ของโลก และมีปริมาณแร่ทองแดงสำรองมากเป็นอันดับที่ 10 ของโลก ปริมาณน้ำมันสำรองในสัดส่วน ร้อยละ 30 ของปริมาณน้ำมันสำรองในภูมิภาคเอเชียกลาง หรือ ประมาณ 600 ล้านบาเรล กำลังการผลิต 4.9 ล้านตัน และมีปริมาณถ่านหินสำรอง ร้อยละ 55 ของปริมาณถ่านหินสำรองใน เอเชียกลาง หรือ 1.95 พันล้านตัน กำลังการผลิต 3.3 ล้านตัน
 
             4. บรรยากาศที่เอื้อต่อการลงทุน
 
 
                 อุซเบกิสถานยังมิได้เป็นสมาชิก WTO แต่รัฐบาลอุซเบกิสถานมีนโยบายแน่วแน่ที่เปิดรับ การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับต่างประเทศ มีเป้าหมายที่ประสงค์จะแปรรูปรัฐวิสาหกิจ (privatization) ที่ชัดเจน โดยนับตั้งแต่ปี 2534 อุซเบกิสถานได้แปรรูปรัฐวิสาหกิจแล้ว จำนวนมากกว่า 84,000 แห่ง การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign direct investment) เพิ่มขึ้น 2.5 เท่าในระหว่างปี 2550-2551 โดยในปี 2551 การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในอุซเบกิสถานได้เพิ่มขึ้นถึง 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และในปี 2552 ได้เพิ่มขึ้นถึง ร้อยละ 33 และคาดว่า เมื่อมีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ในอุซเบกิสถานเกิดขึ้นจะช่วยเอื้อต่อบรรยากาศการลงทุนจากต่างประเทศยิ่งขึ้น บริษัทต่างประเทศ หรือของอุซเบกิสถานสามารถรับพนักงานเข้าทำงานได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านหน่วยงานแรงงาน หรือ ตัวแทนจัดหาแรงงานในท้องถิ่น โดยบริษัทที่มีชาวต่างชาติทำงานจะต้องขอใบอนุญาตในการทำงาน แต่ไม่มีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมใบอนุญาตการทำงาน (work permit) 
 
             5. การปรับปรุงภาคการธนาคาร
 
                 แม้ว่า ธนาคารในอุซเบกิสถานในปัจจุบัน จะยังไม่เป็นสถาบันตัวกลางในการสนับสนุนทางการเงินแก่ระบบเศรษฐกิจ (financial intermediary) แต่ธนาคารส่วนใหญ่ในอุซเบกิสถานไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจโลก และแม้ว่า ธนาคารในอุซเบกิสถานจะยังมี จำนวนน้อย โดยมีอยู่เพียง 29 แห่งในปัจจุบัน แต่รัฐบาลอุซเบกิสถานมีนโยบายที่จะผลักดันการพัฒนาในภาคการเงินและการธนาคารในอุซเบกิสถานให้ทันสมัยตอบรับกับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
 
             6. สิ่งจูงใจสำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ
 
                 รัฐบาลอุซเบกิสถานมีนโยบายเปิดประเทศสู่ระบบเศรษฐกิจการตลาด (market economy) อย่างค่อยเป็นค่อยไป และเปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศ โดยได้ปรับลดภาษีที่จัดเก็บจากกำไรของบริษัท ร้อยละ 10 เพียงอัตราเดียว ยกเว้นการจัดเก็บภาษีนำเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่การผลิตสินค้าบางอย่าง ร่วมสนับสนุนทางการเงินและรับประกันการลงทุนจากทางรัฐบาล หากโครงการลงทุนมีมูลค่ากว่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และให้สิ่งจูงใจแก่การลงทุนในอุตสาหกรรมส่งออก อำนวยความสะดวกในการพิจารณาส่งเสริมการลงทุนในลักษณะ one window และกำหนดให้การพิจารณาอนุมัติการลงทุนภายใน 30 วันภายหลังยื่นเอกสาร และใบอนุญาตการลงทุนมีอายุไม่เกิน 5 ปี การยกเลิกใบอนุญาตจะพิจารณาในกระบวนการทางศาล
 
             7. ทำเลที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางของเอเชียกลาง
 
 
                 อุซเบกิสถานเป็นหนึ่งในสองประเทศในโลกที่เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลสองชั้น (double land-locked country) เช่นเดียวกับประเทศลิกเตนสไตน์ แต่ อุซเบกิสถานกลับมีความได้เปรียบที่มีพรมแดนติดกับทุกประเทศในภูมิภาคเอเชียกลาง ทำให้อุซเบกิสถานเป็นศูนย์กลางของการค้าในภูมิภาคที่มีประชากรกว่า 60 ล้านคน และเป็นศูนย์กลางของอาณาบริเวณที่เคยเป็นเส้นทางสายไหมในอดีต ซึ่งมีประชากรรวมกันกว่า 142 ล้านคน และแม้จะมีชนชาติต่างๆ อาศัยอยู่กว่า 120 ชนชาติ แต่ก็อยู่ร่วมกันอย่างสันติ เนื่องจากได้รวมตัวเป็นประเทศเดี่ยวมาอย่างยาวนานแล้วในประวัติศาสตร์ อุซเบกิสถานยังมีความตกลงจัดตั้งเขตการค้าเสรีกับประเทศสมาพันธรัฐอิสระ  (commonwealth of independent states) อันได้แก่ จอร์เจีย เบลารุส คาซัคสถาน คีร์กิซ มัลโดวา รัสเซีย เติร์กเมนิสถาน ยูเครน ทาจิกิสถาน และอาเซอร์ไบจาน
 
                นอกจากประเด็นในข้างต้น จุดเด่นของอุซเบกิสถานสำหรับ การพิจารณาการลงทุน คือ การที่อุซเบกิสถานได้ดำเนินการเปิดประเทศรับการลงทุนและความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับต่างประเทศอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้บรรษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ยังไม่สนใจตลาด อุซเบกิสถานมากนัก สภาวะการแข่งขันทางเศรษฐกิจในอุซเบกิสถานจึงยังเปิดให้สำหรับบริษัทและธุรกิจจากประเทศไทย ซึ่งกำลังทุนไม่มากนักสามารถไปแข่งขันได้ในอุซเบกิสถาน โดยในปี 2551 มีการลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้าอุซเบกิสถาน 975.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจด้านน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ 565.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 206.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อุตสาหกรรมเบา 95.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในภาคเกษตรกรรม 31.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยอังกฤษ สาธารณรัฐเกาหลี ตุรกี รัสเซีย และสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีการลงทุนเป็นจำนวนมากในอุซเบกิสถาน สำหรับโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนที่น่าสนใจในอุซเบกิสถาน ได้แก่
 
                          1. การลงทุนร่วมกับภาคเอกชนอุซเบกิสถาน
 
                              ก๊าซธรรมชาติ เหมืองแร่ (แร่ธาตุและโลหะ) การก่อสร้าง และการวิศวกรรม
 
                          2. การลงทุนร่วมกับภาครัฐอุซเบกิสถาน
 
                             การแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติ การผลิตเครื่องจักรกล การผลิตกระแสไฟฟ้า วัสดุก่อสร้าง อุตสาหกรรมอาหาร สิ่งทอ บริการ
 
             โดยการลงทุนจากต่างประเทศจะได้รับสิทธิพิเศษในด้านภาษี ดังนี้
 
 
                          - การลงทุนร่วมกับต่างประเทศในอุตสาหกรรมการสำรวจและขุดเจาะหาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ 7 ปี เริ่มจากวันที่ผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติได้ จากนั้น จะลดภาษีสินทรัพย์ให้ ร้อยละ 50 และยกเว้นภาษีเงินปันผลให้
 
                          - สินค้าที่ผลิตและนำเข้าโดยบริษัทลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งลงทุนในอุซเบกิสถานเป็นมูลค่ากว่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐจะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า
 
                          - บริษัทที่มีการลงทุนเป็นมูลค่า 300,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ เกินกว่าจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีสินทรัพย์ ภาษีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ภาษีถนนเป็นเวลา 3 ถึง 7 ปี ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ลงทุน ทั้งนี้ โดยจะต้องเป็นการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศอย่างน้อยในสัดส่วน ร้อยละ 50 ของเงินลงทุนทั้งหมด และเป็นการลงทุนโดยเงินตราต่างประเทศ หรือด้วยอุปกรณ์เครื่องจักรที่ทันสมัย การนำเงินที่ได้จากการได้รับยกเว้น หรือ การลดภาษีไปลงทุนต่อ การลงทุนดังกล่าวอยู่ในเขตเมือง Karakalpakstan, Djizak,Kashkadarya, Syrdarya, Sukkhandarya, Khorezm และในพื้นที่ชนบทของเขต Navoi, Andijian, Namangan และ Ferghana และเป็นการลงทุนด้านการผลิตชิ้นส่วนเครื่องอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ อุตสาหกรรมเบา ผ้าไหม วัสดุก่อสร้าง ฟาร์มเพาะเลี้ยงไก่และไข่ อุตสาหกรรมอาหาร ฟาร์มวัวเนื้อและผลิตภัณฑ์นม cheese และไขมันสัตว์ และเคมีภัณฑ์ และเภสัชภัณฑ์
 
                          - การลงทุนจากต่างประเทศในมูลค่า 300,000 ดอลลาร์สหรัฐ ถึง 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐจะได้รับยกเว้นภาษี 3 ปี 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถึง 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐจะได้รับยกเว้นภาษี 5 ปี และมากกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐจะได้รับยกเว้นภาษี 7 ปี 
 
          
 
โดย 
กลุ่มงานเอเชียกลาง 
 
 
ที่มา 
UNDP Investment Guide to Uzbekistan 2009 
International Chamber of Commerce 
Chamber of Commerce and Industry of Uzbekistan 
UZINFOINVEST 
Ministry of Foreign Economic Relations, Investments and Trade of Uzbekistan